รายจ่ายต้องห้าม คืออะไร ? นักบัญชีจะพิจารณารายจ่ายทางภาษีอย่างไร

รายจ่ายต้องห้าม คืออะไร ? นักบัญชีจะพิจารณารายจ่ายทางภาษีอย่างไร

ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้มีรายจ่ายอยู่กลุ่มหนึ่งที่ถือเป็น รายจ่ายต้องห้าม กล่าวคือ ในทางบัญชีได้ลงเป็นรายจ่ายไปแล้วแต่ทางภาษีถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยจะต้องบวกกลับในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งถ้าพิจารณารายจ่ายต้องห้ามตามมาตราดังกล่าวแล้ว รายจ่ายกลุ่มที่มีประเด็นปัญหาส่วนข้างมาก คือ รายจ่ายที่เกี่ยวกับกิจการหรือไม่เกี่ยวกับกิจการตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากรที่กำหนดไว้ว่า

การพิจารณารายจ่ายทางภาษี และ รายจ่ายต้องห้าม

จากบทบัญญัติของมาตราดังกล่าวจึงมีปัญหาในการพิจารณาว่ารายจ่ายลักษณะอย่างใดเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะประเด็นปัญหาดังกล่าวมีข้อโต้แย้งระหว่างผู้เสียภาษีกับเจ้าพนักงานประเมินอยู่เป็นประจำ เพราะในมุมมองของผู้เสียภาษีมักจะมองว่า รายจ่ายที่จ่ายไปก็เพื่อกิจการทั้งนั้น เพราะ การประกอบกิจการต้องมีรายจ่ายเกิดขึ้น แต่ในมุมมองของเจ้าพนักงานประเมินก็อาจจะมีความเห็นไปอีกทางว่า มันไม่เกี่ยวกับกิจการ กิจการไม่จำเป็นต้องจ่าย ก็ประกอบกิจการได้ หรือไม่จำเป็นต้องจ่ายไปถึงขนาดนั้น จะมีข้อยุติอย่างใด ที่ผู้ประกอบการจะทราบได้ว่า ในทางภาษีจึงจะยอมรับรายจ่ายนั้น ๆ

ดังนั้น การพิจารณารายจ่ายทางภาษี และ รายจ่ายต้องห้าม นั้น จึงถือเป็นเรื่องยากที่จะหาข้อยุติในทางใดทางหนึ่ง เนื่องจากแต่ละธุรกิจมีลักษณะความจำ เป็นของรายจ่ายที่แตกต่างกันไป เช่น บางธุรกิจจำ เป็นต้องมีค่าโฆษณามาก ๆ เพื่อหารายได้ก็จะต้องพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสม รายจ่ายที่กิจการจ่ายไป ถ้าเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไร หรือ เพื่อกิจการย่อมลงรายจ่ายทางภาษีได้ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายสำนักงาน ในการบริหารงาน รายจ่ายในการขาย รายจ่ายส่งเสริมการขาย รายจ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าตอบแทนกรรมการ ค่าพาหนะ รายจ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก ค่าระวาง ค่าขนส่ง ค่าซ่อมแซม ค่านายหน้า ค่าโฆษณา ค่าทำ บัญชี ค่าสอบบัญชี ค่าธรรมเนียม ในการแนะนำและปรึกษา เป็นต้น

รายจ่ายต้องห้าม

 

รายจ่ายแบบไหน ? ที่เจ้าพนักงานอาจจัดเป็นรายจ่ายต้องห้าม

อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าการพิจารณารายจ่ายทางภาษีและรายจ่ายต้องห้ามนั้น เจ้าพนักงานและผู้ประกอบมักจะมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน รายจ่ายบางอย่างผู้กอบมองว่ามีความจำเป็นสำหรับบริษัท แต่พนักงานกลับมองว่ามันเป็นเกินสมควรเกินกว่าความจำเป็นแก่กิจการ แต่อย่างไรก็ดี ถ้ารายจ่ายดังกล่าว ได้จ่ายไปเกินสมควรเกินกว่าความจำเป็นแก่กิจการ รายจ่ายส่วนที่จ่ายเกินไปอาจเป็น รายจ่ายต้องห้าม ได้ ซึ่งรายจ่ายที่สมควรแก่กิจการจะมีขอบเขตแค่ไหนเพียงใด ย่อมอยู่กับลักษณะของรายจ่าย หลักเกณฑ์และวิธีการจ่าย ผู้รับ ผู้จ่าย เหตุผล ความจำเป็นและหลักฐานในการจ่าย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง รายจ่ายอย่างหนึ่งอาจมีความจำเป็นในสถานการณ์อย่างหนึ่ง แต่ไม่มีความจำเป็นในอีกสถานการณ์อย่างหนึ่งก็จะกลายเป็นว่าจ่ายผิดเวลาไป อาจจะถูกมองว่าเป็นรายจ่ายที่เกินสมควรได้

บริษัทฯ ต้องพึงตระหนักในปัญหาดังกล่าวด้วย เพราะเจ้าพนักงานประเมินอาจจะใช้ดุลพินิจตัดรายจ่ายที่เจ้าพนักงานเห็นว่าเป็นรายจ่ายที่จ่ายไปหรือจ่ายเกินไป ซึ่งไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการ โดยเฉพาะอันเป็น รายจ่ายต้องห้าม ตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวล รัษฎากรได้ ตัวอย่างที่พบประเด็นที่เจ้าพนักงานประเมินตัดรายจ่าย เช่น เงินเดือนที่จ่ายสูงเกินไป ค่าตอบแทนกรรมการที่กำ หนดจ่ายเกินกว่าความจำ เป็น โดยบริษัทฯ เลี่ยงไปเรียกชื่ออื่น เช่น เรียกว่าเป็น ค่า Management Fee จ่ายให้กรรมการเป็นจำ นวน 4,000,000 บาท นอกเหนือจากค่าบำ เหน็จปกติ เป็นต้น

รายจ่ายต้องห้าม

 

ในส่วนของบริษัทฯ จะต้องวางแผนเกี่ยวกับรายจ่ายอย่างไร จึงจะไม่ถูกมองว่าเป็นรายจ่ายที่จ่ายไปโดยเกินสมควรในเรื่องนี้เห็นว่ารายจ่ายใดที่เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับกิจการแต่จะเป็นรายจ่ายอันสมควรจ่ายหรือไม่ บริษัทฯ เองย่อมพึงทราบได้อยู่แล้วว่า ถ้าจ่ายไปเพียงเท่านี้ก็สมควรกับกิจการหรือเพื่อหากำ ไรได้อยู่แล้ว หากจ่ายไปมากกว่านี้กิจการก็จะไม่ได้ประโยชน์มากไปกว่าที่ได้อยู่แล้ว ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่จะใช้ชี้แจงต่อเจ้าพนักงานได้ในเวลาที่ถูกสอบถาม โดยแสดงถึงเหตุผลและความจำ เป็นว่า ที่ต้องจ่ายไปจำนวนเท่านี้ก็เพื่อหากำ ไรหรือเพื่อกิจการ ดังนั้น หากตัดรายจ่ายส่วนนี้บางส่วนกิจการอาจไม่ได้ประโยชน์หรือหากำ ไรเพื่อกิจการได้ตามที่สมควรจะเป็น แต่ถ้าหากตอบคำถามไม่ได้ว่าจ่ายได้ประโยชน์แก่กิจการอย่างใดก็อาจจะถูกตัดรายจ่ายดังกล่าวได้ นอกจากนี้แม้รายจ่ายใดบริษัทฯ เห็นว่าจ่ายไปเพื่อประโยชน์กิจการแต่หากเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายต้องห้ามในข้ออื่น ๆ ตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร รายจ่ายดังกล่าวก็จะเป็นรายจ่ายต้องห้ามได้ เช่น ค่ารับรองส่วนที่จ่ายไปเกินกว่าที่กฎหมายกำ หนด ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระแต่ละเดือนภาษี เป็นต้น

สรุปหลักเกณฑ์การลงรายจ่ายในทางภาษี

สรุป จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นหลักเกณฑ์การลงรายจ่ายในทางภาษี เมื่อลงรายจ่ายไปแล้วหากตอบคำถามดังต่อไปนี้ได้ก็เป็นอันแน่ใจได้ว่าปัญหาเรื่องรายจ่ายต้องห้ามอาจไม่เกิดขึ้นสำหรับรายจ่ายนั้น ๆ

  1. เป็นรายจ่ายที่จ่ายตามข้อผูกพันหรือไม่ เช่น จ่ายสัญญาข้อตกลง ระเบียบสวัสดิการ นายจ้างลูกจ้าง ความผูกพันทางกฎหมาย ส่งเสริมการขาย
  2. รายจ่ายดังกล่าวเพื่อหากำไรหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการโดยเฉพาะหรือไม่
  3. รายจ่ายดังกล่าวเกินสมควรหรือไม่
  4. มีหลักฐานพิสูจน์ตัวผู้รับได

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อ สอบถาม สำนักงานบัญชี MFN Accounting เรามุ่งมั่นที่จะมอบบริการชั้นยอดให้กับลูกค้า บริษัทรับทำบัญชี ที่ให้บริการครอบคลุมทุกเรื่องบัญชี ไม่ว่าจะเป็น การวางแผนภาษี ปิดงบการเงินประจำปี ตรวจสอบบัญชี จดทะเบียนบริษัท และ ห้างหุ้นส่วน

เรียบเรียงโดย คุณชุมพร เสนไสย 

ที่ปรึกษาคณะกรรมการวิชาชีพบัญชี ด้านการบัญชีภาษีอากร สภาวิชาชีพบัญชี

อดีตนิติกรระดับเชี่ยวชาญ สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร

60 thoughts on “รายจ่ายต้องห้าม คืออะไร ? นักบัญชีจะพิจารณารายจ่ายทางภาษีอย่างไร”

  1. An intriguing discussion is worth comment. I do think that you ought to publish more on this subject, it may not be a taboo subject but generally folks don’t talk about such issues. To the next! Best wishes!!

  2. I blog frequently and I really appreciate your content. The article has truly peaked my interest. I am going to take a note of your blog and keep checking for new information about once per week. I subscribed to your RSS feed too.

  3. Nice post. I was checking constantly this blog andI am impressed! Very helpful information specificallythe last part 🙂 I care for such information much.I was seeking this certain information for a long time.Thank you and best of luck.

Leave a Comment